Previous Lesson -- Next Lesson
1. เนื้อหาสาระและการงานของพระวจนะ ก่อนหน้ามาบังเกิด (ยอห์น 1:1-5)
ยอห์น 1:5
5 แสงส่องสว่างในความมืด และความมืดได้เอาชนะแล้ว
ทุกสิ่งที่รวมเข้ากับพระเจ้านั้นเต็มไปด้วยแสงสว่างและความบริสุทธิ์ มันเปิดเผยและยังสวยงามในขอบเขตของโลกที่มีอิทธิพลของพระองค์ ไม่มีอะไรเป็นความมืด ทุกสิ่งนั้นชัดเจน สัตย์ซื่อ เป็นความจริงและบริสุทธิ์ ความไม่บริสุทธิ์ไม่สามารถอยู่ได้ในที่ใกล้เคียงนั้น พระวิญญาณบริสุทธิ์นั้นก็บริสุทธิ์และแสงสว่างของพระเจ้าไม่ได้ส่องสว่างอย่างเกรี้ยวกราด แต่กลับอ่อนโยน สุขสบายและมอบการรักษา แสงสว่างแห่งพระคริสต์ไม่ได้จำกัดเราต่อสวรรค์ แต่มันเจาะเข้าไปในความมืดและก่อให้เกิดและบังเกิดผลต่อการไถ่ มันเป็นพระเมตตาซึ่งยอดเยี่ยมที่วันนี้พระคริสต์ได้ส่องสว่างท่ามกลางความมืดทั้งสิ้น พระองค์ไม่ได้ละทิ้งจากผู้หลงหายไป แต่ได้ทำให้พ้นจากการกดขี่และทำให้เกิดความกระจ่างแก่พวกเขา
เราต้องรับรู้การมีอยู่ของโลกแห่งความมืด ที่ตรงกันข้ามกันกับโลกแห่งความสว่าง เราไม่รู้โดยรายละเอียดว่าความมืดเข้ามาได้อย่างไร ยอห์นไม่ได้เปิดเผยต่อเราในเรื่องความลี้ลับนี้ พระองค์ต้องการให้เรารู้จักความสว่างและไม่ให้เรามองดิ่งลึกลงไปในความมืด มนุษย์และสรรพสิ่งที่ถูกสร้างทั้งปวงได้ล้มลงไปในความมืด และทั้งโลกก็ได้ถูกวางให้แกว่งไปมาอยู่ในความชั่วร้าย
บางที คุณอาจถามว่า ถ้าพระคริสต์ได้สร้างจักรวาลให้กลมกลืนกับพระองค์ และให้เป็นสิ่งที่ดีงาม แล้วความชั่วร้ายพบหนทางที่จะเข้าไปในนั้นได้อย่างไร พระเจ้าได้สร้างมนุษยชาติในพระฉายของพระองค์ แล้วมันเกิดขึ้นได้อย่างไรที่เราล้มลงและขาดจากพระสิริของพระองค์ในวันนี้
ยอห์นไม่ได้เอ่ยถึงซาตานด้วยชื่อ แต่ซาตานไม่เชื่อฟังพระเจ้า และได้พยายามดับไฟของพระองค์ มันมักจะต่อต้านพระคริสต์ เพราะฉะนั้นจึงสูญเสียไฟที่มันได้รับ ซาตานกลายเป็นผู้ที่หยิ่งและตามหาความยิ่งใหญ่โดยปราศจากพระองค์ มันต้องการที่จะสูงขึ้นเหนือพระองค์เพื่อจะเอาชนะพระองค์และ มันจึงได้กลายเป็นเจ้าแห่งความมืดไปนั่นเอง
พี่น้องที่รัก อะไรเป็นจุดมุ่งหมายในชีวิตของคุณ คุณแสวงหาความยิ่งใหญ่ ชื่อเสียง และความต้องการอย่างเนื้อหนังโดยปราศจากพระเจ้าหรือ ถ้าเป็นเช่นนั้น คุณก็เข้ากับพวกที่ดำมืดไป เหมือนกับสิ่งชั่วร้าย เพราะมันจะไม่อยู่คนเดียว แต่ดึงดูดคนเป็นล้าน ๆ เข้าไปสู่ความดำมืด จงมองดูใบหน้าของคนที่เดินผ่านไปมาบนถนน คุณมองออกถึงความสว่างหรือความมืดในดวงตาของพวกเขาไหมหัวใจของเขาสะท้อนถึงความปิติยินดีของพระเจ้า หรือความเศร้าโศรกของซาตานเล่า
สิ่งชั่วเกลียดชังพระเจ้าเพราะว่าแสงสว่างที่บริสุทธิ์นั้นตัดสินมัน มันไม่ต้องการให้แสงสว่างเปิดเผยความโหดร้าย ความทารุณและป่าเถื่อน มันจึงซ่อนและปกปิดตัวและพยายามเอาชนะพระคริสต์และผู้ที่ติดตามแสงสว่างนั้น เจ้าตัวเล่ห์เพทุบายนี้ไม่สามารถทนต่อแสงสว่างของพระเจ้าได้ และมันเกลียดแสงสว่างนี้ มันมีจุดมุ่งหมายที่จะปิดหน้าและดังนั้น ไม่สามารถรับรู้และสัมผัสรู้ถึงแสงสว่างได้ สิ่งที่น่าตกใจกลัวคือคนเป็นล้านนั้นรู้ และไม่จำเป็นต้องอธิบายเพราะว่าดวงอาทิตย์ที่มีอยู่ในเวลานี้ ส่องแสง ชัดเจน เปล่งฉายรังสีออกมา เด็กเล็ก ๆ ทุกคนรู้ว่ามันคือแหล่งแห่งชีวิต
แต่คนเป็นจำนวนมากไม่ได้สัมผัสรับรู้พระสิริของพระคริสต์ และฤทธิ์เดชของพระองค์ เพราะว่าพวกเขาไม่ต้องการที่จะเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ข้อคิดที่หลอกลวงปิดตาของพวกเขาด้วยผ้าห่มหนา ดังนั้น พวกเขาจึงปฏิเสธข่าวสารที่แท้จริง เกี่ยวกับความเป็นพระเจ้าของพระคริสต์ ในความจริงแล้ว พวกเขาไม่ต้องการจะค้นพบความบาปของตนเอง ไม่ต้องการที่จะเข้าใกล้แสงสว่างและพวกเขาชอบมากกว่าที่จะอยู่ในความมืด พวกเขาไม่ปฏิเสธตนเองและไม่สารภาพบาปของตนเอง พวกเขาหยิ่งยโส และยังคงมืดบอดต่อพระคุณของแสงสว่างแห่งพระคริสต์นั่นเอง ความมืดแข่งขันกับความสว่าง แต่ความสว่างก็เอาชนะมันโดยความรัก ดังนั้น คุณเป็นผู้ใดหรือ แสงสว่างจากพระเจ้า หรือ ความมืดจากความชั่วราย
คำอธิษฐาน: โอ พระเจ้า พระองค์เป็นแสงสว่างของโลกเราติดตามพระองค์ในความเชื่อและในความรักของพระองค์ เราไม่ได้เดินตามความมืดแต่ได้รับความสว่างแห่งชีวิต เราขอบพระคุณเพราะว่าพระองค์ไม่ได้ทิ้งเราไว้ลำพัง ให้เรากลัวความดำมืดของพิโรธของพระองค์ แต่พระองค์ได้เรียกเรามาสู่แสงสว่างที่ชัดเจน ให้ความรู้และความกระจ่างต่อคนเป็นล้านคนรอบตัวเรา ผู้ที่ไม่เห็นพระองค์ ทั้ง ๆ ที่พระองค์ส่องสว่างอยู่ล้อมรอบตัวพวกเขา ขอได้โปรดมีความเมตตาต่อเราและให้แสงสว่างแก่เราด้วย โอ ผู้ให้ความรู้และความสว่าง
คำถามที่:
- อะไรเป็นความแตกต่างระหว่างความสว่างและความมืด ในความหมายฝ่ายวิญญาณ?
คนผู้ต้องการดำเนินในความมืด จะได้เห็นความสว่างอันยิ่งใหญ่ บรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินแห่งเงามัจจุราช สว่างได้ส่องมาบนเขา (อิสยาห์ 9:2)