Previous Lesson -- Next Lesson
ง) การปฏิเสธพระคริสต์นำไปสู่การพิพากษา (ยอห์น 3:17-21)
ยอห์น 3:17-21
17 เพราะพระเจ้าไม่ได้ทรงส่งพระบุตรของพระองค์มาในโลกเพื่อพิพากษาลงโทษโลก แต่เพื่อช่วยโลกให้รอดโดยทางพระบุตรนั้น 18 ผู้ใดที่เชื่อในพระองค์ก็ไม่ถูกพิพากษา แต่ผู้ใดที่ไม่เชื่อก็ถูกพิพากษาอยู่แล้ว เพราะเขาไม่เชื่อในพระนามของพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า 19 คำตัดสินเป็นดังนี้คือ ความสว่างได้เข้ามาในโลก แต่มนุษย์รักความมืดแทนที่จะรักความสว่าง เพราะการกระทำของพวกเขาชั่วร้าย 20 ทุกคนที่ทำชั่วก็เกลียดความสว่าง และจะไม่เข้ามาในความสว่างเพราะกลัวว่าการกระทำของตนจะถูกเปิดโปง 21 แต่ผู้ใดที่มีชีวิตอยู่โดยความจริงย่อมมาสู่ความสว่าง เพื่อให้เห็นชัดเจนว่าสิ่งที่ตนทำนั้นได้ทำไปโดยพึ่งพระเจ้า”
ยอห์นได้เทศนาเกี่ยวกับพระเมสสิยาห์ ผู้ที่ตัดสินมนุษยชาติ และตัดต้นไม้ซึ่งมีเชื้อโรคออกไปภายในประชาชาติของพระองค์ แต่พระเยซูได้บอกนิโคเดมัสว่า พระองค์ไม่ต้องการเผาให้ไหม้ด้วยไฟ แต่พระองค์มาเพื่อช่วยชีวิต พระผู้ช่วยให้รอดของเรานั้นมีเมตตา เมื่อยอห์นได้ตระหนักถึงความลับของการไถ่ที่ได้ยินจากการฟังและที่ผู้อื่นได้กระทำแทนแล้ว เขาได้เรียกพระเยซูว่าพระเมษโปดกของพระเจ้า ผู้ที่นำบาปของโลกนี้ออกไป
ในความรักของพระองค์ พระเจ้าไม่ได้ส่งบุตรของพระองค์ให้กับพวกยิวเท่านั้น แต่ได้มอบให้กับโลกด้วย คำว่า “โลก” ปรากฏสามครั้งในข้อ 17 นี่เป็นเรื่องน่าตกใจต่อชาวยิว ผู้ที่ได้ปฏิบัติต่อคนต่างชาติเหมือนกับสุนัข แต่พระเจ้ารักชนชาติต่าง ๆมากพอๆ กับเมล็ดพันธุ์ของอับราฮัม ผู้คนทั้งหมดสมควรจะได้รับการพิพากษา แต่พระเยซูไม่ได้เข้ามาเพื่อกล่าวโทษแต่เพื่อช่วยชีวิต จากตั้งแต่เริ่มต้นยอห์นได้เติมเต็มภาพของงูซึ่งถูกยกขึ้นอย่างกับกางเขนเพื่อรับเอาการพิพากษาของพระเจ้าสำหรับมนุษยชาติ ความรักของพระเจ้าไม่ได้ลำเอียงต่อเชื้อชาติ แต่ได้ครอบคลุมผู้คนทั้งมวล
แล้วพระคริสต์จึงใช้วลีที่รุนแรง “ใครก็ตามที่เชื่อในพระบุตร จะไม่ถูกพิพากษา” ดังนั้นความกลัวทั้งหมดอันเกี่ยวกับวันพิพากษาได้ถูกทิ้งออกไป ดังนั้น ความเชื่อในพระคริสต์จึงทำให้เราเป็นอิสระจากความตายที่เราสมควรจะได้รับ คุณเป็นอิสระจากการพิพากษาถ้าคุณไว้วางใจในพระเยซู
ผู้ที่ปฏิเสธความรอดของพระคริสต์ โดยคิดว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องได้รับนั้นตาบอด โง่เขลา และถูกแยกออกจากพระคุณที่พระองค์จัดเตรียมไว้ พวกที่ไม่ต้อนรับฤทธิ์เดชของพระเจ้า นำเอาความสว่างของพระวิญญาณบริสุทธิ์ออกไป คือพวกที่ดูถูกการตายของพระคริสต์หรือปฏิเสธสิ่งนี้เป็นกบฏและต่อต้านพระเจ้า และเลือกการเป็นผู้ชอบธรรมด้วยตนเองงานของเราทั้งหมดนั้นไม่เพียงพอและพวกเราทั้งหมดของเรานั้นก็ขาดจากพระสิริของพระเจ้า
พระเยซูอธิบายว่าเหตุใดคนบางคนจึงปฏิเสธความรอด นั่นคือ พวกเขารักความบาปมากกว่าความชอบธรรมของพระเจ้า และหดตัวจากพระคริสต์ซึ่งเป็นแสงสว่างของโลก ดังนั้นพวกเขาก็อิงอยู่กับความบาป พระคริสต์รู้จักหัวใจของเรา และรากที่เป็นเหตุของความคิดชั่วร้ายของเรา การกระทำของมนุษย์นั้นก็ไร้ค่า
ไม่มีใครที่ดีในบันทึกของเขาเองความคิด คำพูดและการกระทำของเรานั้นชั่วร้ายตั้งแต่วัยเยาว์ การพูดเช่นนี้ได้ปะทะโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนิโคเดมัสอย่างรุนแรงเช่นกันในเวลานั้น พระคริสต์ได้เริ่มแนะนำพวกเขาด้วยความรู้สึกรักเพื่อทำลายความเย่อหยิ่งนั้นลง และนำนิโคเดมัสเข้ามาใกล้การสำนึกบาป
พระเยซูได้เพิ่มเติมว่า ใครก็ตามที่ไม่ไว้วางใจในพระคริสต์ รักสิ่งชั่วร้ายและเกลียดสิ่งดีก็อิงอยู่กับความบาปของเขา มนุษย์ส่วนใหญ่เป็นพวกเสแสร้ง ซ่อนความบาปภายใต้ยิ้มที่แสร้งทำเป็นศรัทธาพวกเขาเกลียดพระคริสต์อย่างโง่เขลาหรือโดยจงใจ คุณได้สารภาพบาปของคุณต่อพระเยซูหรือยัง ถ้าคุณไม่ได้สารภาพบาป คุณไม่สามารถบังเกิดใหม่ได้ จงเปิดใจต่อแสงสว่างของพระองค์เถิด คุณจะได้รับการชำระ ความเชื่อในพระเมษโปดกจะชำระคุณ ดังนั้นจงถ่อมใจลง และสารภาพการคดโกงของคุณ แล้วไว้วางใจในพระคริสต์และคุณจะมีชีวิตยืนยาวนิรันดร์
ในทางปฏิบัติ การใช้ความเชื่อของเราหมายถึงการกระทำสิ่งที่ถูกต้อง ความพร้อมอันนี้ที่ยอมรับความจริงของพระเจ้าเป็นเงื่อนไขของสิ่งใหม่ในเรา ใครก็ตามที่เข้าสู่ความจริงของพระคริสต์ ไม่ใช่เพียงแต่โดยสติปัญญา แต่โดยทั้งหมดที่เขาเป็น จะได้รับการเปลี่ยนผ่านทางศีลธรรม คนโกหกกลายเป็นคนพูดความจริง พวกคดโกงกลายเป็นคนตรง พวกล่อลวงกลายเป็นคนซื่อสัตย์ พวกที่บังเกิดใหม่ไม่ได้เป็นคนดีในอดีต แต่ได้สารภาพมลทินความด่างพร้อย และพระเจ้าผู้สัตย์ซื่อก็ได้ยกโทษให้พวกทรยศการชำระได้เริ่มต้นขึ้นในพวกเขาแล้ว พระองค์ได้ให้ฤทธิ์เดชของความรักเพื่อฝึกฝนการงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระเจ้าทำงานในผู้เชื่อโดยผ่านทางพระคริสต์เพื่อจะทำให้การงานแห่งสันติสุขนั้นสำเร็จลง
เราไม่ได้ปฏิเสธงานการที่ดี แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้มาจากเราแต่มาจากพระเจ้า เราไม่รับเครดิต แต่มันเป็นไปโดยพระคุณ นี่หมายความว่าเราออกจากความชอบธรรมของตนเอง บนพื้นฐานของความพยายามของตนเอง และเปิดต่อความชอบธรรมของพระคุณที่ขึ้นกับโลหิตพระคริสต์ ทั้งหมดนี้เป็นผู้บังเกิดขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง และอยู่ในพระคริสต์ซึ่งทำให้พระเจ้าพึงพอใจ ชีวิตของพวกเขาได้กลายเป็นการขอบพระคุณต่อพระเมตตาของพระเจ้า การเกิดใหม่และชีวิตที่บริสุทธิ์ล้วนเป็นการนมัสการอย่างดีต่อพระองค์
คำอธิษฐาน: พระเยซู ขอบคุณที่พระองค์รับแบกการพิพากษาของโลก เราก้มกราบพระองค์เพราะเราไม่ต้องเผชิญหน้ากับการพิพากษานั้น เมื่อเราเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์โดยความเชื่อ พระองค์ปลดปล่อยเราจากพระพิโรธของพระเจ้า เราสารภาพบาปของเราต่อหน้าพระองค์ ชำระเราจากแรงผลักดันที่ไปสู่บาป สร้างผลพระวิญญาณในเราเพื่อชีวิตของเราจะรักบูชาและนมัสการพระองค์ พระบิดาแห่งสวรรค์
คำถามที่:
- ทำไมผู้เชื่อในพระคริสต์ไม่ต้องผ่านการพิพากษา