Home
Links
Bible Versions
Contact
About us
Impressum
Site Map


WoL AUDIO
WoL CHILDREN


Bible Treasures
Doctrines of Bible
Key Bible Verses


Afrikaans
አማርኛ
عربي
Azərbaycanca
Bahasa Indones.
Basa Jawa
Basa Sunda
Baoulé
বাংলা
Български
Cebuano
Dagbani
Dan
Dioula
Deutsch
Ελληνικά
English
Ewe
Español
فارسی
Français
Gjuha shqipe
հայերեն
한국어
Hausa/هَوُسَا
עברית
हिन्दी
Igbo
ქართული
Kirundi
Kiswahili
Кыргызча
Lingála
മലയാളം
Mëranaw
မြန်မာဘာသာ
नेपाली
日本語
O‘zbek
Peul
Polski
Português
Русский
Srpski/Српски
Soomaaliga
தமிழ்
తెలుగు
ไทย
Tiếng Việt
Türkçe
Twi
Українська
اردو
Uyghur/ئۇيغۇرچه
Wolof
ייִדיש
Yorùbá
中文


ગુજરાતી
Latina
Magyar
Norsk

Home -- Thai -- John - 075 (The Jewish council sentences Jesus to death)
This page in: -- Albanian -- Arabic -- Armenian -- Bengali -- Burmese -- Cebuano -- Chinese -- Dioula? -- English -- Farsi? -- French -- Georgian -- Greek -- Hausa -- Hindi -- Igbo -- Indonesian -- Javanese -- Kiswahili -- Kyrgyz -- Malayalam -- Peul -- Portuguese -- Russian -- Serbian -- Somali -- Spanish -- Tamil -- Telugu -- THAI -- Turkish -- Twi -- Urdu -- Uyghur? -- Uzbek -- Vietnamese -- Yiddish -- Yoruba

Previous Lesson -- Next Lesson

ยอห์น - แสงสว่างส่องในความมืด
ศึกษาพระกิตติคุณของพระคริสต์ ตามคำบอกเล่าของยอห์น
ตอนที่ 2 - แสงสว่างส่องเข้ามาในความมืด (ยอห์น 5:1 - 11:54)
ค - การเดินทางสุดท้ายของพระเยซูสู่กรุงเยรูซาเล็ม (ยอห์น 7:1-11:54) หัวข้อ: บทบาทของความมืดและความสว่าง
4. การเป็นขึ้นมาจากตายของลาซารัส และผลลัพธ์ (ยอห์น 10:40 - 11:54)

ง) สภาชาวยิวได้ตัดสินพระเยซูจนถึงแก่ความตาย (ยอห์น11:45-54)


ยอห์น 11:45
45 ดังนั้นเมื่อพวกยิวหลายคนที่มาหามารีย์เห็นการกระทำของพระเยซูก็วางใจในพระองค์

ลาซารัสได้รับการปลุกให้ฟื้นขึ้นจากความตาย และได้กิน ดื่ม และพูดคุย ผู้คนกำลังพบกับลาซารัสผู้มีชีวิตบนท้องถนนและในบ้าน หลายคนต้องประหลาดใจโดยอำนาจสูงสุดของพระเยซู และเชื่อจริง ๆ ว่าพระองค์เป็นพระมาซีฮาห์ พระบุตรของพระเจ้าผู้มีชีวิต ดังนั้นสาวกจึงได้เพิ่มพูนขึ้นเป็นจำนวนมากและฝูงคนก็เร่งไปที่บ้านของนางมารีย์ เพื่อเป็นพยานถึงพระเยซูพร้อมกับลาซารัสพวกเขาได้เข้ามาเห็นลาซารัสแล้วก็จากไปด้วยการมาเชื่อในพระเยซู

ยอห์น 11:46-48
46 แต่บางคนไปหาพวกฟาริสีเล่าเหตุการณ์ที่พระเยซูทรงทำให้เขาฟัง 47 ฉะนั้นพวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกฟาริสีก็เรียกประชุมสมาชิกสภาแล้วพูดกันว่า “เราจะทำอย่างไรกันดี เพราะว่าชายคนนี้ทำหมายสำคัญมากมาย? 48 ถ้าเราปล่อยให้เขาทำอย่างนี้ต่อไป ทุกคนก็จะเชื่อถือเขา แล้วพวกโรมันก็จะมาทำลายทั้งพระวิหารและชาติของเรา”

บางคนในพวกเขาสังเกตเห็นอัศจรรย์ และเร่งไปหาพวกฟาราสีเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมของพระเยซู พวกเขายังคงเป็นผู้ที่ไม่เชื่อและคำพิพากษาของพระเจ้าได้อยู่เหนือพวกเขา ซึ่งพระองค์ได้พูดเปรยเป็นนัยในนิทานเปรียบเทียบของ “ชายผู้ร่ำรวย” ต่อผู้ที่อับราฮัมได้ตอบพวกเขาว่า “ถ้าพวกเขาไม่ฟังโมเสสและผู้เผยพระวจนะ พวกเขาก็จะปฏิเสธบางคน ผู้ที่ฟื้นขึ้นมาจากความตายด้วยเหมือนกัน" (ลูกา16:31) พระวิญญาณของพระเจ้าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงใจหิน ซึ่งปฏิเสธที่จะไว้วางใจในพระเยซู แม้พระองค์จะสำแดงอัศจรรย์ที่ทรงพลังที่สุดต่อพวกเขาแล้วก็ตาม

พวกฟาราสีมีอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่ในสภาสูงของศาสนา มากจนกระทั่งมหาปุโรหิตยอมแพ้ต่อการยืนกรานของพวกเขา สมาชิกเจ็ดสิบคนถูกเรียกให้มาอภิปรายในเรื่องนี้ พวกสะดูสีซึ่งเป็นผู้พูดว่าไม่ต่อการฟื้นคืนพระชนม์ได้ต้อนรับการประชุมของสภา แต่พวกสมาชิกตัดสินใจไม่ได้ และสับสนเพราะว่าพระเยซูไม่ได้กระทำบาปเจาะจงใด ๆ เพื่อที่จะเข้าจับกุมได้ อย่างไรก็ตาม มีการประชุมฟื้นฟูของคริสเตียนท่ามกลางฝูงชนมากมายก่อนหน้าเทศกาลปัสกา เมื่อพวกนักแสวงบุญเป็นหมื่น ๆ คนได้เทลงมาในเมืองหลวง ในการถกเถียงกันที่ตามมา สมาชิกสภาได้ตั้งชื่อพระเยซูว่าเป็นคนธรรมดา ไม่แม้แต่จะเป็นคนของพระเจ้า หรือ ผู้เผยพระวจนะ ทั้ง ๆ ที่มีการปฏิเสธถึงสิ่งนี้พวกเขาก็ไม่สามารถทำเป็นไม่สนใจและเมินเฉย พร้อมทั้งมองข้ามการอัศจรรย์ในตอนแรกของพระองค์ไปได้

ตลอดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความกลัวได้เข้ามาครอบคลุมเหนือบรรยากาศของสภา ด้วยเกรงว่าอำนาจอันสูงสุดได้สังเกตเห็นในเรื่องนี้และจะทำการแทรกแซง การประชุมของฝูงคนเป็นจำนวนมากรายล้อมชายคนหนึ่ง ผู้ทำการอัศจรรย์ในลักษณะของพระมาซีฮาห์และเหตุการณ์นี้ได้ชี้ถึงความเสี่ยงที่จะเกิดกบฏได้ ในที่นั้น พวกโรมันจะกั้นพระวิหารไว้ในที่ซึ่งพระเจ้าอาศัยอยู่ ณ ที่นั้น การรับใช้ของพระวิหารก็หยุดชะงักลงท่ามกลางการถวายเครื่องบูชา พร้อมกับการอธิษฐาน และการอวยพร

ยอห์น 11:49-52
49 แต่คนหนึ่งในพวกเขาที่ชื่อคายาฟาสซึ่งเป็นมหาปุโรหิตในปีนั้น กล่าวกับพวกเขาว่า “พวกท่านช่างไม่เข้าใจอะไรเลย 50 ไม่รู้หรือว่าเป็นการดีสำหรับพวกท่านที่จะมีคนหนึ่งตายเพื่อประชาชน แทนที่จะให้คนทั้งชาติต้องพินาศ” 51 เขาไม่ได้กล่าวอย่างนั้นตามความคิดของเขาเอง แต่เพราะเหตุที่เขาเป็นมหาปุโรหิตประจำการในปีนั้น เขาจึงกล่าวเป็นคำพยากรณ์ว่าพระเยซูจะสิ้นพระ ชนม์แทนชนชาตินั้น 52 และไม่ใช่แทนชาติยิวเท่านั้น แต่เพื่อรวบรวมลูกพระเจ้าที่กระจัดกระจายให้รวมเข้าเป็นหนึ่งเดียว

เมื่อความยุ่งยากและความอลเวงของสภามาถึงจุดสูงสุด พวกมหาปุโรหิตได้ยืนขึ้นและเริ่มโจมตีผู้นำของประชาชาติ กล่าวหาพวกเขาเรื่องความโง่เขลาและไร้ความคิด ปุโรหิตมีสิทธิบางอย่างที่จะพูดเพราะการเป็นประธานของสภาและความสามารถที่เป็นมหาปุโรหิต เขาจึงได้รับการเจิมด้วยน้ำมันซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ แต่เขาผู้นี้เป็นปรปักษ์พระคริสต์ และได้รับการคาดหวังให้เติมเต็มด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพราะพระเจ้าต้องพูดผ่านผู้ที่เป็นผู้นำประชาชาติ กระนั้น ปุโรหิตผู้นี้ได้ทำผิดพลาดและเปลี่ยนใจกะทันหัน โดยสมมุติบทบาทของผู้เผยพระวจนะที่เชื่อมต่อกับตำแหน่งของเขาอย่างกับเป็นมหาปุโรหิต และเขาได้พรรณนาถึงผู้คนทั้งปวงว่าเป็นคนโง่เขลาเบาปัญญา

พระเจ้าได้เปิดเผยรูปแบบของวิญญาณที่พูดถึงในไคยาฟัสในทันทีเพราะว่าซาตานได้พูดภายในเขา โดยเราเห็นได้อย่างเป็นนัยยะถึงการอุทิศตนต่อพระประสงค์ของพระเจ้า แต่ในทางปฏิบัติก็ยังคงมีการต่อต้าน โดยไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งนี้เป็นการดียิ่งขึ้นสำหรับผู้คนที่พระเมษโปดกของพระเจ้าควรจะตายในสถานที่ของพวกเขา เพื่อว่าพวกเขาจะหนีจากพระพิโรธของพระเจ้าและมีชีวิตนิรันดร์ได้ แต่โฆษกของซาตานกำลังส่งเสียงถึงความคิดนั้นเพื่อเหตุผลทางการเมืองที่ว่า “ขอให้พระเยซูตายเพื่อช่วยชีวิตเราจากความโกรธเคืองของชาวโรมันเถิด” เนื่องจากมีการทำนายที่ชั่วร้ายเกิดขึ้น พระวจนะของพระคริสต์จึงได้รับการตัดสินว่าเป็นมารร้ายและมันเป็นบิดาฝ่ายวิญญาณของคนยิวเป็นจำนวนมาก

ทั้ง ๆ ที่มีความคิดที่ชั่วร้ายนี้ ยอห์นเห็นไคยาฟัสแสดงความมุ่งหมายชั่วร้าย ซึ่งเป็นความจริงที่มาจากสวรรค์อย่างเป็นนัยยะ ไคยาฟัสต้องอธิบายถึงความตายของพระเยซูว่าเป็นการปลดปล่อยเพื่อผู้คนทั้งมวล โดยไม่ได้ตระหนักถึงความหมายที่มีนัยยะซึ่งสูงส่งกว่า "สิทธิอำนาจ" ในคำพูดของเขาเอง ไคยาฟัสเป็นคนที่พูดแล้วไม่คิดเพราะว่าเขาไม่เชื่อในพระเยซู แม้ว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้นำเขาให้เปล่งประโยคของพระคริสต์ เหนือการตายที่พระองค์ไถ่เราแต่เขากลับพลาดที่จะเข้าใจโดยเฝ้าแต่พินิจพิเคราะห์ถึงแต่คำพูดของตน เพราะว่าเขาได้ตั้งใจไว้จริง ๆ ถึงสิ่งที่ตรงกันข้ามกัน

ยอห์นผู้ประกาศได้รับรู้ความหมายของคำแถลงการณ์ในขอบเขตกว้างที่สุดในเรื่องความรอดสำหรับโลกนี้แต่พระเยซูไม่ได้ตายเพื่อไถ่บาปของคนของพระองค์เท่านั้น แต่เพื่อผู้เชื่อทุกคนท่ามกลางประชาชาติทั้งหมดผู้ที่ไว้วางใจในพระองค์ที่เป็นบุตรของพระเจ้า ดังนั้นโดยการไว้วางใจของพวกเขาในพระผู้ช่วยให้รอด พวกเขาจึงได้รับชีวิตนิรันดร์

จุดมุ่งหมายของความเชื่อของเราไม่เพียงแต่เป็นเพียงความรอดส่วนตัว แต่เป็นความปรองดองทั้งหมดกับบุตรของพระเจ้าเพื่อที่จะเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระคริสต์ ความรักของพระองค์เป็สสัญญลักษณ์และฤทธิ์อำนาจของคริสต์ศาสนา พระนามของพระองค์ได้รวมเอาสาวกเข้าไว้ด้วยกัน เมื่อใดที่พวกเราเชื่อมต่อกับศูนย์กลาง พวกเราจะเชื่อมต่อกันและกัน ขอให้เราตื่นขึ้นและเร่งรีบไปหาพระองค์ เพื่อพบว่าเราเป็นพี่น้องในครอบครัวของพระเจ้า ซึ่งใกล้ชิดมากยิ่งกว่าความเป็นพี่น้องของโลกนี้

ยอห์น 11:53-54
53 นับตั้งแต่วันนั้นพวกเขาจึงวางแผนที่จะฆ่าพระองค์ 54 เพราะฉะนั้นพระเยซูจึงไม่เสด็จไปมาท่ามกลางพวกยิวอย่างเปิดเผยอีก แต่เสด็จออกจากที่นั่นไปยังถิ่นที่อยู่ใกล้ถิ่นทุรกันดาร ถึงเมืองหนึ่งชื่อเอฟราอิม และประทับอยู่ที่นั่นกับพวกสาวก

สมาชิกบางคนของสภาขุ่นเคืองใจ เพราะการทำนายที่เกรี้ยวกราดและแข็งกร้าวของไคยาฟัส ขณะที่พวกเรารู้สึกสัมผัสได้ถึงพระเยซู แต่คนส่วนใหญ่นั้นพึงพอใจโดยเชื่อว่าพระเจ้าพูดผ่านทางไคยาฟัสเกี่ยวกับผู้ที่หลอกลวงและการช่วยกู้ประชาชาติ การตกลงร่วมกันในสภาได้ยอมรับการตัดสิน และเห็นด้วยกับคำ แนะนำของไคยาฟัสที่จะประหารพระเยซู ไม่ต้องสงสัยเลยว่าบางคนในพวกที่อยู่ที่นั่น ซึ่งเป็นคนที่ตรง ไปตรงมากว่าได้ต่อต้านแต่ไม่มีใครเอาใจใส่ ไคยาฟัสผู้เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมได้นำพวกเขาไปผิดทางในแผนที่จะทำลายพระเยซู และได้กระทำสิ่งนี้อย่างลับ ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวนใจที่มีอยู่ท่ามกลางประชาชาติ แต่พระเยซูได้ยินอุบายนี้และอาจรับรู้ด้วยความเข้าใจที่มาจากพระเจ้าพระองค์ได้ละทิ้งจากพื้นที่ศาลของสภาและเข้าไปในพื้นที่ของหุบเขาจอร์แดน ทางตะวันออกของเนบลัส เพื่อที่จะรออยู่ที่นั่นกับเหล่าสาวกเพื่อเวลาแห่งการอุทิศตนและการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์

สนามรบนั้นชัดเจนยิ่งขึ้นตั้งแต่การขัดแย้งของพระองค์กับพวกปุโรหิตในเรื่องของการชำระพระวิหาร พร้อมกับข้อขัดแย้งของพระองค์กับพวกนักกฎหมาย และตั้งแต่พระองค์ได้รักษาโรคในวันสะบาโต ถึงตอนนี้สิ่งต่าง ๆ ได้มาถึงจุดสูงสุดพร้อมกับเหตุการณ์การชุบชีวิตลาซารัสให้ฟื้นจากความตาย ดังนั้น ผู้นำฝูงชนจึงได้ตัดสินใจที่จะประหารผู้ได้รับผลประโยชน์ในทันที

แสงสว่างฉายในความมืด และความมืดไม่อาจเอาชนะมันได้

พี่น้องที่รัก คุณเห็นพระคริสต์เป็นแสงสว่างหรือไม่ พระกิติคุณของพระองค์ได้ส่องแสงสว่างต่อความคิดและได้เปลี่ยนแปลงหัวใจของคุณหรือไม่ ชีวิตนิรันดร์ของพระองค์ได้เข้ามาอยู่ในคุณหรือไม่ และพระวิญญาณของพระองค์ได้นำคุณให้สำนึกบาปและสารภาพบาปของคุณหรือไม่ และมันได้สร้างความเชื่อเพื่อให้คุณอวยพรและทำให้คุณบริสุทธิ์หรือไม่ จงเปิดตนเองออกเพื่อให้พระวิญญาณของพระคริสต์เข้ามาใกล้คุณ และยอมจำนนชีวิตและอนาคตของคุณต่อพระองค์ เพื่อว่าคุณอาจจะไม่เห็นด้วย และไม่รู้สึกเต็มใจกับศัตรูของพระเยซูในการพิพากษาที่พวกเขามีต่อพระองค์ ยิ่งกว่านั้น จงเข้าร่วมกับเหล่าสาวก และรู้จักกับองค์บริสุทธิ์ เพื่อว่าคุณจะสารภาพว่า “เราได้เห็นพระสิริของพระองค์ พระสิริอย่างกับพระบุตรองค์เดียวของพระบิดาที่เต็มไปด้วยพระเมตตาและความจริง”

คำอธิษฐาน: พระเจ้าพระเยซูคริสต์ ขอบพระคุณที่ไม่ได้ปฏิเสธความจริงในชั่วโมงแห่งภยันอันตราย พระองค์ได้ถวายพระสิริต่อพระบิดาบนสวรรค์ ขอยกโทษความเชื่อที่อ่อนแอและการเพิกเฉยของเรา ขอให้นำเราเข้ามาในสามัคคีธรรมกับพระบิดา เพื่อเราจะอยุ่ในชีวิตนิรันดร์และปรนนิบัติพระองค์โดยไม่หยุดยั้ง ขอจงรับเอาชีวิตของเราเพื่อเป็นคำสรรเสริญต่อพระเมตตาที่มีสง่าราศีของพระองค์ด้วย

คำถามที่:

  1. เหตุใดเล่า สภายิวจึงสังหารพระเยซู

www.Waters-of-Life.net

Page last modified on March 12, 2020, at 02:46 PM | powered by PmWiki (pmwiki-2.3.3)