Home
Links
Bible Versions
Contact
About us
Impressum
Site Map


WoL AUDIO
WoL CHILDREN


Bible Treasures
Doctrines of Bible
Key Bible Verses


Afrikaans
አማርኛ
عربي
Azərbaycanca
Bahasa Indones.
Basa Jawa
Basa Sunda
Baoulé
বাংলা
Български
Cebuano
Dagbani
Dan
Dioula
Deutsch
Ελληνικά
English
Ewe
Español
فارسی
Français
Gjuha shqipe
հայերեն
한국어
Hausa/هَوُسَا
עברית
हिन्दी
Igbo
ქართული
Kirundi
Kiswahili
Кыргызча
Lingála
മലയാളം
Mëranaw
မြန်မာဘာသာ
नेपाली
日本語
O‘zbek
Peul
Polski
Português
Русский
Srpski/Српски
Soomaaliga
தமிழ்
తెలుగు
ไทย
Tiếng Việt
Türkçe
Twi
Українська
اردو
Uyghur/ئۇيغۇرچه
Wolof
ייִדיש
Yorùbá
中文


ગુજરાતી
Latina
Magyar
Norsk

Home -- Thai -- John - 085 (Christ predicts Peter's denial; God is present in Christ)
This page in: -- Albanian -- Arabic -- Armenian -- Bengali -- Burmese -- Cebuano -- Chinese -- Dioula? -- English -- Farsi? -- French -- Georgian -- Greek -- Hausa -- Hindi -- Igbo -- Indonesian -- Javanese -- Kiswahili -- Kyrgyz -- Malayalam -- Peul -- Portuguese -- Russian -- Serbian -- Somali -- Spanish -- Tamil -- Telugu -- THAI -- Turkish -- Twi -- Urdu -- Uyghur? -- Uzbek -- Vietnamese -- Yiddish -- Yoruba

Previous Lesson -- Next Lesson

ยอห์น - แสงสว่างส่องในความมืด
ศึกษาพระกิตติคุณของพระคริสต์ ตามคำบอกเล่าของยอห์น
ตอนที่ 3 - แสงส่องสว่างในหมู่อัครทูต (ยอห์น 11:55 - 17:26)
ข - เหตุการณ์ที่ติดตามอาหารมื้อสุดท้ายของพระเจ้า (ยอห์น 13:1-38)

4. พระคริสต์ทำนายการปฏิเสธของเปโตร (ยอห์น 13:36-38)


ยอห์น 13:36-38
36 ซีโมนเปโตรทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะเสด็จไปที่ไหน?” พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “ที่ที่เราจะไปนั้น ท่านจะตามเราไปเดี๋ยวนี้ไม่ได้ แต่ท่านจะตามไปภายหลัง” 37 เปโตรทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ทำไมข้าพระองค์ถึงตามพระองค์ไปเดี๋ยวนี้ไม่ได้? ข้าพระองค์จะสละชีวิตเพื่อพระองค์” 38 พระเยซูตรัสตอบว่า “ท่านจะสละชีวิตของท่านเพื่อเราหรือ? เราบอกความจริงกับท่านว่า ก่อนไก่ขัน ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง”

เปโตรได้รับการรบกวนที่หัวใจ และไม่ได้ฟังสิ่งที่พระเยซูพูดกับเขาเรื่องความรัก ทุกสิ่งที่เขารับรู้เกี่ยวกับพระเจ้านั้น ละทิ้งจากเขาไปสู่สิ่งที่เป็นอันตรายซึ่งรายล้อมไปด้วยการข่มเหงและการทรยศ เขาพึ่งพาตนเอง และจริงใจและตัดสินใจด้วยตัวเอง เขาทำให้พระเยซูมั่นใจว่าเขาจะติดตามพระองค์ไปไม่ว่ามันเป็นการเสี่ยงที่มีราคาสูงเพียงใดแต่เขาไม่ได้ตระหนักถึงการขาดกำลังและข้อจำกัดของเขา โดยทำการหว่านล้อมว่า เขาสามารถทำให้บรรลุเป้าหมายที่เขาคุยโม้ได้ และทำให้คนอื่นเห็นว่าเปโตรกำลังเผาไหม้ด้วยความกระตือรือร้นเพื่อพระเยซู พร้อมที่จะต่อสู้และตายเพื่อพระองค์


ค - คำอำลาในห้องชั้นบน (ยอห์น14:1-31)

1. พระเจ้าสถิตอยู่ในพระคริสต์ (ยอห์น 14:1-11)


ยอห์น 14:1-3
1 “อย่าให้ใจของพวกท่านเป็นทุกข์เลย พวกท่านวางใจในพระเจ้า จงวางใจในเราด้วย 2 ในพระนิเวศของพระบิดาเรามีที่อยู่มากมาย ถ้าไม่มีเราคงบอกท่านแล้ว เพราะเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับพวกท่าน 3 เมื่อเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านแล้ว เราจะกลับมาอีกและรับท่านไปอยู่กับเรา เพื่อว่าเราอยู่ที่ไหนพวกท่านจะได้อยู่ที่นั่นด้วย

พวกสาวกถูกรบกวนใจโดยข่าวที่ว่าพระเยซูกำลังจากพวกเขาไป และเขาไม่สามารถติดตามพระองค์ไปยังจุดหมายปลายทางของพระองค์ได้ พระเยซูทำนายเช่นกันถึงการปฏิเสธของเปโตรขณะที่เขากำลังยืนกรานที่จะติดตามพระองค์ไป และคุยโม้เรื่องความเชื่อที่เข้มแข็งของเขา สาวกบางคนอาจเต็มไปด้วยความรู้สึกว่า จะมีข้อผิดพลาดในการติดตามพระเยซู ซึ่งเป็นผู้ที่ในไม่ช้าจะละทิ้งไป หรือแม้แต่เสียชีวิต พระเยซูได้ต้านความมัวหมองและเศร้าโศกของพวกเขาด้วยคำบัญชาที่มั่นคง จงพึ่งพาพระเจ้าอย่างสมบูรณ์ พระองค์เป็นพื้นฐานที่มั่นคงในทุกเวลา พระองค์ไม่สั่นคลอนเมื่อสิ่งอื่นสั่นคลอน พระองค์ติเตียนความวิตกกังวลของเรา ความกลัวหมายถึงความไม่เชื่อ พระบิดาบนสวรรค์ไม่ได้หลอกลวงหรือว่าละทิ้งคุณ นี่คือชัยชนะที่ได้เอาชนะโลกแล้ว นั่นคือ ความเชื่อของคุณนั่นเอง

พระเยซูได้เรียกร้องความเชื่อขนาดเดียวกันจากสาวกด้วยความมั่นใจ และ การอธิษฐาน ในขณะที่พระบิดาสมควรได้รับสิ่งนั้นเพราะพระองค์เป็นหนึ่งเดียวกับพระบิดา พระองค์สมควรจะได้รับอย่างกับพระบิดารับประกันอนาคตของเรา ดังนั้น พระบุตรสมควรได้รับความไว้วางใจของเราด้วย ความจริง คือ พระองค์นั้นแข็งแกร่งประดุจหินผาเลยทีเดียว

เพราะฉะนั้น พระองค์เปิดเผยบางสิ่งต่อสาวก คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากการตายและการเสด็จขึ้นของพระองค์ ด้วยพระเจ้ามีคฤหาสน์ที่ใหญ่กว่าและสวยกว่าอาคารที่ผู้ใดเป็นเจ้าของในนคร หรือ ในชนบท พระราชวังของพระเจ้าอยู่สูงคล้ายคลึงกับนครใหญ่ กว้างเพียงพอที่จะเป็นบ้านของทูตสวรรค์ทั้งหมดในทุกหนแห่งตลอดไป แม้ว่าตอนนี้คุณอยู่ในเต็นท์หรือกระท่อม อย่าเศร้าโศก ในพระราชวังของพระบิดามีหลายห้อง และมีที่อาศัยกว้างขวางมากมาย พระองค์ได้เตรียมบ้านหลังหนึ่งให้คุณทำความสะอาด ทำให้อุ่นสบาย และมีแสงสว่างอย่างดี และคุณได้รับคำสั่งให้อาศัยอยู่ใกล้กับพระบิดาตลอดกาล

พระเจ้าเองรักผู้เชื่อในพระคริสต์ และได้ตระเตรียมสถานที่สำหรับพวกเรา เมื่อพระเยซูได้กลับไปสู่สวรรค์ พระองค์ได้สำรวจคฤหาสน์และเพิ่มเข้าในการเตรียมการ แต่ยังตัดสินใจที่จะมาหาเรา และไม่ได้ตั้งใจอยู่ไกลจากเรา พระองค์กลับมาเพื่อนำผู้ติดตามเข้ามาใกล้พระองค์ ทรงรักพวกเราอย่างกับเจ้าบ่าวรักเจ้าสาว ดังนั้น พระองค์ตั้งใจจะนำเสนอคริสตจักรของพระองค์ และ เจ้าสาวต่อหน้าพระบิดา และไม่เพียงแต่ได้รับการแนะนำให้รู้จักพระบิดาเท่านั้น แต่ให้เป็นเหมือนกับพระองค์ในครอบครัวจากสวรรค์และเราจะอยู่กับพระองค์ ได้รับการปกป้องในการคุ้มครองของพระองค์ตลอดไปเพื่อยินดีในความดีงามของพระองค์

ยอห์น 14:4-6
4 และท่านรู้จักทางที่เราจะไปนั้น” 5 โธมัสทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า พวกข้าพระองค์ไม่ทราบว่าพระองค์จะเสด็จไปที่ไหน พวกข้าพระองค์จะรู้จักทางนั้นได้อย่างไร?”6 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีใครมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา

พระเยซูได้บอกสาวกว่า “เจ้ารู้ว่าเราจะไปที่ไหน และเจ้ารู้หนทางไปสู่พระเจ้า” โธมัสตอบสนองว่า “เราจะรู้หนทางนั้นได้อย่างไร เพราะว่าเราไม่รู้ว่าที่ใดซึ่งท่านจะไปในอนาคตอันใกล้นี้” ในความโศกเศร้าของเขา เขามองไม่เห็นเป้าหมายไกล ๆ และความกลัวได้เขย่าโธมัส และทำให้เขาสูญเสียความรู้ในทิศทาง

พระเยซูได้ทำให้เขามั่นใจอีกครั้งหนึ่งอย่างอ่อนโยนว่า “เราเป็นหนทางไปสู่พระเจ้า ความรักและความจริงของเรานั้นเป็นบัญญัติแท้จริงที่นำไปสู่ความยอดเยี่ยมของสวรรค์ เราเป็นมาตรฐานนั้นเพื่อมนุษยชาติ ในแบบที่พระเจ้าจะตัดสินเจ้า อย่าวัดตนเองโดยมาตรฐานของมนุษย์ที่โง่เขลา ขอให้รักษาเส้นทางที่จะนำไปสู่พระเจ้า จงมาหาเรา และเปรียบเทียบตัวเจ้ากับเรา เจ้าจะพบว่าเจ้าไม่มีอะไรเลย เป็นแต่คนบาปที่ชั่วช้า”

พระคริสต์ไม่ได้ผลักคุณจากความกลัวไปสู่ความกลัว จากความหมดหวังไปสู่ความหมดหวัง เมื่อคุณมาถึงจุดที่ตกต่ำของชีวิต พระองค์ยืดแขนออกช่วยกู้ โดยกล่าวว่า “ตอนนี้ เรามอบความจริงใหม่ให้แก่เจ้า ความจริงเก่านั้นอยู่ข้างหลังเจ้า เราตายเพื่อเจ้าและนำเอาพันธสัญญาใหม่มาโดยพระเมตตา และบาปของเจ้าได้รับการยกโทษแล้ว ความเชื่อของเจ้าได้กู้เจ้าแล้ว จงยึดเราไว้เพื่อที่จะดำรงอยู่ในความจริงแห่งการเป็นบุตรบุญธรรม ในเราเจ้าจะได้รับความจริงโดยการเข้ามาใกล้พระเจ้า หากว่าปราศจากเราแล้ว เจ้าจะพินาศ”

คุณอาจจะพูดว่า “เราได้ยินสิ่งเหล่านี้ทุกอย่างแล้ว แต่เราขาดความเชื่อ ฤทธิ์อำนาจ การอธิษฐาน และความบริสุทธิ์” พระเยซูตอบว่า “เรามอบชีวิตนิรันดร์ให้แก่เจ้า เราเป็นแหล่งที่มาของชีวิต ขอให้พักพิงอยู่กับเราในความเชื่อ และเจ้าจะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ ในพระวิญญาณนี้ เจ้าจะพบกับชีวิตที่เต็มล้น” ใครก็ตามที่ไว้วางใจในพระคริสต์จะอยู่ตลอดกาล อย่าเคลื่อนไปไกลจากพระองค์ พระองค์เป็นชีวิตของคุณไม่ว่าคุณจะยังคงตายในบาป หรือ มีชีวิตอยู่ในพระคริสต์ ไม่มีหนทางตรงกลาง พระคริสต์ทรงเป็นชีวิตของผู้เชื่อ

คนทั้งปวงที่ผูกผันอยู่กับพระคริสต์ ยืนต่อหน้าพระเจ้าและเห็นพระองค์อย่างกับพระบิดาที่เห็นอกเห็นใจ ไม่มีศาสนา ปรัชญา บัญญัติ หรือ วิทยาศาสตร์ข้อใด ๆ จะทำให้คุณเข้าใกล้พระเจ้าได้ พระคริสต์ซึ่งเป็นพระบุตรเท่านั้นสามารถกระทำสิ่งนี้ได้ ในพระองค์พระบิดายืนอยู่กับคุณ พระเยซูเป็นการเปิดเผยสำแดงที่ยอดเยี่ยมของพระเจ้า ไม่มีใครรู้ว่าพระบิดาช่วยกู้เราโดยพระเยซู แต่เรามีโอกาสรู้จักกับพระเจ้า เราเข้ามาใกล้พระองค์เพราะว่าพระคริสต์เป็นความรัก และพระองค์ได้ทำให้เราเป็นลูกของพระเจ้าแล้ว

ยอห์น 14:7
7 ถ้าพวกท่านรู้จักเราแล้ว ท่านก็จะรู้จักพระบิดาของเราด้วย ตั้งแต่นี้ไปท่านก็จะรู้จักพระองค์และได้เห็นพระองค์”

ลูกของโลกนี้นั้นอยู่ไกลจากพระเจ้าในรายละเอียดของความบาปของพวกเขา ไม่มีมนุษย์คนใดสามารถรู้จักพระเจ้าโดยข้อตกลงของตนเอง ไม่มีใครเห็นพระเจ้า แต่เพียงพระบุตรองค์เดียวของพระองค์เท่านั้น ผู้ที่อยู่ในพระทรวงของพระบิดา พระองค์บอกเราว่า ถ้าเจ้ารู้จักเรา เจ้าจะรู้จักพระบิดาด้วย แต่พวกเขาไม่รู้ถึงสิ่งนี้ ความรู้ไม่ได้หมายความถึงความเข้าใจและวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่การเปลี่ยนผ่านและการบังเกิดใหม่ต่างหาก ความรู้ของพระเจ้ากลายเป็นการบังเกิดใหม่และขยายออกภายในเรา จงอย่าถูกล่อลวง การศึกษาเรื่องศาสนาไม่ได้หมายถึงการรู้จักพระเจ้า แต่มันคือการยอมจำนนต่อแสงสว่างที่ส่องเข้ามายังพระกิติคุณ ซึ่งคุณจะได้รับการเปลี่ยนแปลงและกลายเป็นแสงหนึ่งนั่นเอง

น่าประหลาดใจ ที่ในชั่วโมงของการทรยศพระเยซูเหมือนกับจะกล่าวกับสาวกว่า “จากนี้ไป เจ้ารู้จักเรา และ เราไม่ได้เป็นเพียงผู้ชนะที่มีฤทธานุภาพทั้งสิ้น มีความฉลาด และสง่าราศี แต่เป็นพระเมษโปดกของพระเจ้าผู้นำความบาปออกจากโลกนี้ ในการตายเพื่อไถ่ของเรานั้น พระเจ้าเปิดเผยพระองค์เองว่าเป็นพระบิดาแห่งการคืนดี เพราะว่าพระองค์จะไม่ลงโทษบาปของคุณในความขุ่นเคือง หรือ ทำลายแต่จะลงโทษเราผู้ที่เป็นพระบุตรของพระองค์เพื่อว่าเจ้าจะได้รับอิสระ และถูกเปลี่ยนเข้าไปอยู่ในความบริสุทธิ์ และ เข้าในสามัคคีธรรมอย่างกับลูกของพระองค์”

บนกางเขน พระเจ้าได้กระทำพระองค์เองให้ชัดแจ้งอย่างกับพระบิดา พระผู้สูงส่งไม่ได้อยู่ไกล แต่ทรงเป็นความรัก ความเมตตา และการไถ่ พระเจ้าเป็นพระบิดาส่วนตัวของคุณ คุณเป็นเหล่าผู้ที่เชื่อในพระองค์ และคุณเท่านั้นที่รู้จักความจริงเกี่ยวกับพระเจ้า ความรู้นี้จะเปลี่ยนแปลงคุณ ให้กระทำและปฏิบัติได้อย่างน่าชื่นชมในด้านความประพฤติ และมีความดีงามนั่นเอง

ยอห์น 14:8-9
8 ฟีลิปทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอสำแดงพระบิดาให้พวกข้าพระองค์เห็น ก็พอใจข้าพระองค์แล้ว” 9 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “ฟีลิป เราอยู่กับท่านนานถึงขนาดนี้แล้วท่านยังไม่รู้จักเราอีกหรือ? คนที่ได้เห็นเราก็ได้เห็นพระบิดา ท่านจะพูดได้อย่างไรอีกว่า ‘ขอสำแดงพระบิดาให้พวกข้าพระองค์เห็น?’

เมื่อพระเยซูกล่าวว่า “เจ้าได้เห็นพระบิดาและรู้จักพระองค์” ฟิลิปประหลาดใจและเกือบจะพูดว่า “ไม่หรอก เราไม่เห็นพระองค์” เขาคงจะกระอักกระอ่วนใจโดยความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าแต่แทนที่จะเป็นเช่นนั้นเขาเปล่งเสียงว่า “พระเจ้า ขอสำแดงพระบิดาต่อเรา และมันก็เพียงพอแล้ว” คำตอบนี้สำแดงว่าเขาเข้าใจถึงความลี้ลับของพระเยซูและฤทธิ์อำนาจของพระองค์ ความลี้ลับนั้นขึ้นกับความเป็นหนึ่งเดียวของพระองค์กับพระบิดา ถ้าพระองค์ต้องจากพวกเขาไป มันก็เพียงพอที่จะแสดงพระบิดาให้พวกเขาเห็นแม้แต่ชั่วเวลาหนึ่ง เพื่อพวกเขาอาจจะรับหน้าที่ อย่างที่พระองค์เป็นและได้รับการคุ้มครองในฤทธานุภาพของผู้มีทรงมหิทธิฤทธิ์สูงสุด แล้วพวกเขาจะรู้และเห็นพระเจ้า ณ ที่นั้น และรับเอาสิทธิอำนาจเหนือผู้คนซึ่งเป็นฤทธิ์อำนาจที่จะรักษา และขับผีออก

แต่โดยคำขอนั้น ฟิลิปได้สารภาพว่าเขายังไม่ได้รู้จักพระบิดา หรือ พระบุตรเลย เขาพลาดที่จะจดจำถึงความเป็นพระเจ้าและความจริง พระเยซูไม่ได้ติเตียนแต่มีพระเมตตา และยังอยู่ในตอนเย็นวันสุดท้ายนั้นเพื่อประกาศความจริงแท้ “เขาผู้ที่เห็นเรา ก็เห็นพระบิดา” ด้วยคำพูดที่เป็นหัวใจนี้ พระเยซูได้ฉีกม่านที่เผยออกต่อหน้าสาวก และไม่มีนิมิตหรือความฝันใดจะเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับพระเจ้าได้ มันต้องเป็นบุคคลของพระเยซูคริสต์เท่านั้น พระองค์ไม่ได้เป็นพียงบุคคลสำคัญคนหนึ่ง แต่ในพระองค์เราเห็นพระเจ้า ในวันนี้คุณสามารถมีนิมิตของพระเจ้า ถ้าคุณเห็นพระเยซูและจำพระองค์ได้ โธมัสได้ยินคำพูดเหล่านี้เช่นกัน และพลาดที่จะเข้าใจความหมาย แต่หลังจากพระเยซูได้ฟื้นคืนพระชนม์ เขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์ต่อหน้าพวกเจ้านายและต้องร้องออกมาว่า “พระเจ้าสูงสุดของฉัน และพระเจ้าของฉัน”

ยอห์น 14:10-11
10 ท่านไม่เชื่อหรือว่าเราอยู่ในพระบิดาและพระบิดาทรงอยู่ในเรา? คำซึ่งเรากล่าวกับพวกท่านนั้น เราไม่ได้กล่าวตามใจชอบ แต่พระบิดาผู้สถิตอยู่ในเราทรงทำพระราชกิจของพระองค์ 11 จงเชื่อเราว่าเราอยู่ในพระบิดาและพระบิดาทรงอยู่ในเรา หรือมิฉะนั้นก็จงเชื่อเพราะกิจการเหล่านั้น

นั่นอาจเป็นไปได้สำหรับสาวกคนหนึ่ง ที่จะจดจำพระกิติคุณได้ และ เห็นพระเยซูอย่างราง ๆ แต่ไม่ได้ตระหนักถึงแก่นสารของพระองค์ ถ้าเขาไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงในหัวใจผ่านทางพระวิญญาณ พระเยซูนำฟิลิปออกไปด้วยคำถามหนึ่งเพื่อทำให้ความเชื่อหยั่งลึกลงในการเป็นพระเจ้าของพระองค์ “เจ้าไม่เชื่อว่าเราอยู่ในพระบิดาหรือ คติพจน์ของชีวิตของเราคือการถวายเกียรติต่อพระบิดา เราอยู่ในพระบิดา และ พระบิดาอยู่ในเราทางฝ่ายร่างกาย ความไพบูลย์ของความเป็นพระเจ้าสถิตอยู่ในเรา เราถือกำเนิดจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ และดำรงอยู่ท่ามกลางเจ้าโดยปราศจากบาป เรารู้จักพระองค์จากนิรันดร และความรู้นี้ได้กลายเป็นสิ่งที่เกิดใหม่ในตัวเรา ในเราพระองค์เปิดเผยความดีของพระบิดา และได้กล่าวถึงความเมตตาของพระองค์”

“เราได้ข้อพิสูจน์สำหรับคำพยานนี้ คือ คำที่มีสิทธิอำนาจ และงานจากสวรรค์ของเรา ถ้าเจ้าพบว่ามันยากที่จะเชื่อในการทรงสถิตของพระบิดาในเรา เช่นนั้นจงฟังคำนี้ที่พระบิดาพูดผ่านเรา คำเหล่านี้ให้ชีวิต ฤทธิ์เดช และ ความกล้าหาญแก่เจ้า ถ้าเจ้าไม่เข้าใจคำของเรา จงมองดูที่งานของเรา พระเจ้าเองทำงานท่ามกลางเจ้าด้วยสัญญาณที่มาจากสวรรค์ พระองค์ได้กู้เจ้าผ่านทางตัวเรา พวกเจ้าซึ่งหลงหายไป ตอนนี้เจ้าจะเห็นชั่วโมงของการตรึงเรา ซึ่งเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพระเจ้า เพื่อคืนดีเหล่ามนุษยชาติกับพระองค์โดยการตายของเรา จงเปิดตาและอย่าปิดหูของเจ้า เจ้าจะจดจำพระเจ้าได้ในการถูกตรึงนี้ นี่คือพระเจ้าแท้ผู้ไม่กล่าวหาเจ้า แต่ช่วยกู้เจ้า”

คำอธิษฐาน: พรเจ้า พระเยซูคริสต์ โดยพระคุณ ฉันกล่าวว่า “พระเจ้าสูงสุดของฉัน” ขอยกโทษความไม่เชื่อของฉันและการขาดแคลนความรัก จงเปิดตาภายในของฉันต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพื่อว่าฉันจะเห็นพระบิดาในพระองค์ และได้รับการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความรักของพระองค์ เพื่อว่าความรู้ของพระองค์จะเข้าสู่ชีวิตมากกว่าความตาย ขอเปิดเผยแก่นสารของพระสิริต่อผู้ที่ไม่เชื่อ เพื่อว่าพวกเขาจะได้รับชีวิตใหม่โดยความเชื่อ

คำถามที่:

  1. อะไรคือความสัมพันธ์ระหว่างพระคริสต์และพระเจ้า พระบิดา

www.Waters-of-Life.net

Page last modified on March 12, 2020, at 02:55 PM | powered by PmWiki (pmwiki-2.3.3)