Home
Links
Bible Versions
Contact
About us
Impressum
Site Map


WoL AUDIO
WoL CHILDREN


Bible Treasures
Doctrines of Bible
Key Bible Verses


Afrikaans
አማርኛ
عربي
Azərbaycanca
Bahasa Indones.
Basa Jawa
Basa Sunda
Baoulé
বাংলা
Български
Cebuano
Dagbani
Dan
Dioula
Deutsch
Ελληνικά
English
Ewe
Español
فارسی
Français
Gjuha shqipe
հայերեն
한국어
Hausa/هَوُسَا
עברית
हिन्दी
Igbo
ქართული
Kirundi
Kiswahili
Кыргызча
Lingála
മലയാളം
Mëranaw
မြန်မာဘာသာ
नेपाली
日本語
O‘zbek
Peul
Polski
Português
Русский
Srpski/Српски
Soomaaliga
தமிழ்
తెలుగు
ไทย
Tiếng Việt
Türkçe
Twi
Українська
اردو
Uyghur/ئۇيغۇرچه
Wolof
ייִדיש
Yorùbá
中文


ગુજરાતી
Latina
Magyar
Norsk

Home -- Thai -- John - 081 (Jesus washes his disciples' feet)
This page in: -- Albanian -- Arabic -- Armenian -- Bengali -- Burmese -- Cebuano -- Chinese -- Dioula? -- English -- Farsi? -- French -- Georgian -- Greek -- Hausa -- Hindi -- Igbo -- Indonesian -- Javanese -- Kiswahili -- Kyrgyz -- Malayalam -- Peul -- Portuguese -- Russian -- Serbian -- Somali -- Spanish -- Tamil -- Telugu -- THAI -- Turkish -- Twi -- Urdu -- Uyghur? -- Uzbek -- Vietnamese -- Yiddish -- Yoruba

Previous Lesson -- Next Lesson

ยอห์น - แสงสว่างส่องในความมืด
ศึกษาพระกิตติคุณของพระคริสต์ ตามคำบอกเล่าของยอห์น
ตอนที่ 3 - แสงส่องสว่างในหมู่อัครทูต (ยอห์น 11:55 - 17:26)
ข - เหตุการณ์ที่ติดตามอาหารมื้อสุดท้ายของพระเจ้า (ยอห์น 13:1-38)

1. พระเยซูล้างเท้าของสาวก (ยอห์น 13:1-17)


ยอห์น 13:1-5
1 ก่อนถึงงานเทศกาลปัสกา พระเยซูทรงทราบว่าถึงเวลาแล้วที่พระองค์จะทรงจากโลกนี้ไปหาพระบิดา พระองค์ทรงรักบรรดาคนของพระองค์ที่อยู่ในโลกนี้ พระองค์ทรงรักเขาทั้งหลายจนถึงที่สุด 2 ขณะเมื่อรับประทานอาหารเย็นอยู่นั้น (มารได้ดลใจยูดาสบุตรของซีโมนอิสคาริโอทให้ทรยศพระองค์แล้ว) 3 พระเยซูทรงทราบว่าพระบิดาประทานทุกสิ่งไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ และทรงทราบว่าพระองค์มาจากพระเจ้าและจะไปหาพระเจ้า 4 พระองค์ทรงลุกจากการเสวยอาหาร ทรงถอดฉลองพระองค์ออกวางไว้ และทรงเอาผ้าเช็ดตัวคาดเอวของพระองค์ 5 แล้วทรงเทน้ำลงในอ่างและทรงเอาน้ำล้างเท้าของพวกสาวก และทรงเช็ดด้วยผ้าที่ทรงคาดเอวไว้นั้น

เริ่มจากบทนี้ ยอห์นได้เคลื่อนสู่ช่วงเวลาใหม่ และ สู่หัวข้อใหม่ในพระกิติคุณของเขา ก่อนหน้านี้ พระเยซูกำลังเรียกหาผู้คนทั่ว ๆ ไป แต่น่าเศร้าในข้อความที่ว่า “แสงได้ส่องในความมืด และความมืดไม่เข้าใจมัน”ซึ่งพวกเขานั้นยืนยันในสิ่งนี้ ดังนั้น พระเยซูจึงกำลังล้มเหลวหรือ ไม่ใช่เช่นนั้น เป็นเพราะคนทั้งปวงไม่ยอมรับพระองค์ แต่พระเจ้าได้เลือกคนบางคนไว้ ผู้ที่พร้อมและสำนึกบาป และรวบรวมพวกเขาในกลุ่มของสาวก ในบทเหล่านี้ เราจะอ่านได้ว่าพระเยซูพูดเกี่ยวกับพวกที่เลือกไว้อย่างไรคือ อย่างกับเจ้าบ่าวพูดคุยกับเจ้าสาว พระองค์เป็นของพวกเขาเหมือนกับที่พวกเขาเป็นของพระองค์

ความรักของพระเจ้ากลายเป็นคติพจน์ของบทสนทนาเหล่านี้ ความรักนี้ไม่พียงแต่เป็นความรู้สึกที่เห็นแก่ตัวแต่บอกเป็นนัยถึงการเรียกมาสู่งานรับใช้ ในพระคัมภีร์ความรักเกี่ยวข้องและพัวพันกับการมอบตนเองให้อย่างถ่อมใจ ต่อพวกที่ไม่สมควรได้รับ ในบทสนทนาเหล่านี้ พระเยซูเปิดเผยสิ่งที่สวยงามที่สุดของลักษณะของพระองค์ต่อเหล่าสาวก ที่ได้อธิบายความรักของพระองค์ในภาพของผู้รับใช้ เป็นสัญลักษณ์ของชีวิต ความตาย และการฟื้นคืนพระชนม์อีกครั้งหนึ่งนั่นเอง

พระเยซูได้สอนว่าพระองค์จะตายก่อนหน้าเทศกาลปัสกาถัดไป พระองค์กำลังจะไปหาพระบิดา สิ่งนี้เป็นทิศทางของคุณด้วยหรือไม่ พระองค์อยู่ในโลก แต่ตานั้นจดจ้องไปที่พระบิดา จากพระองค์จึงมีฤทธิ์อำนาจ คำแนะนำ และ ความปิติยินดี เพื่อทนทานต่อคนที่เลวทรามเช่นนั้นในการเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า พระองค์เห็นซาตานเช่นกันที่ได้กระซิบความคิดชั่วในหัวใจของหนึ่งในสาวก ชายคนนี้ค่อย ๆ เปิดเผยตนเองออกมาต่อความโลภ ความเย่อหยิ่ง และเกลียดชัง อย่างไรก็ตาม พระเยซูไม่ได้เกลียดชังผู้ทรยศ แต่รักเขาด้วยความรักที่มาจากพระเจ้าจนกระทั่งถึงในตอนท้ายที่สุด

พระเยซูไม่ได้ยอมจำนนอย่างง่ายดายต่อผู้ทรยศ โดยให้เหตุการณ์นั้นเป็นเรื่องของชะตากรรม ไม่ใช่ยูดาห์ คายาฟัส เฮโรด ปีลาต หรือ ผู้นำชาวยิว และคนจำนวนมาก จะตัดสินว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่เพราะความน่าละอายและการยอมจำนนของพระเยซู พระบิดาได้มอบเหล่าวิญญาณและมนุษย์ทั้งมวลต่อพระองค์ พระองค์ตัดสินใจที่จะตายอย่างลูกแกะของพระเจ้า และตั้งตารางเวลาของเหตุการณ์ไว้ ตลอดช่วงพายุของเหตุการณ์ พระองค์ไม่ได้สูญเสียการมองไปสู่แหล่งที่มาและจุดมุ่งหมายของพระองค์ แต่พระเยซูเป็นพระเจ้าผู้ที่เปลี่ยนเส้นทางแห่งประวัติศาสตร์

พระคริสต์ไม่ได้ปรารถนาจะกลับไปหาพระบิดาเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ต้องการจะดึงสาวกของพระองค์เข้าสู่ในสามัคคีธรรมของความยินดีอันประเสริฐของพระเจ้าด้วย พระองค์ได้สอนพวกเขาด้วยเครื่องหมายที่แทนการถ่อมใจ เป็นตัวแทนของความรักของพระเจ้าต่อหน้าพวกเขา ในลักษณะคำพูดที่นำไปปฏิบัติได้ ดังนั้น พระองค์จึงได้กลายเป็นผู้รับใช้คนหนึ่ง ได้ตักน้ำและคุกเข่าลงต่อหน้าสาวกของพระองค์ เพื่อล้างและเช็ดเท้าของพวกเขา พระองค์ได้ทำให้ตนเองเป็นผู้เล็กน้อยที่สุดในคนทั้งปวง เพื่อว่าพวกที่ธรรมดาที่สุดท่ามกลางพวกเขาจะได้เรียนรู้ว่า พระเจ้าปรนนิบัติรับใช้มนุษยชาติ พระเจ้าสูงสุดไม่ได้ครอบงำอย่างเย็นชา แต่คุกเข่าลงชำระและเปลี่ยนแปลงพวกเขาไปสู่ภาพลักษณ์ที่อ่อนโยนของพระองค์

พระเยซูเป็นแบบอย่างที่สูงส่งของเรา เมื่อไรเราจะโค้งคำนับต่อหน้าและนมัสการพระองค์ เมื่อไรที่เราจะเปลี่ยนความคิดและโค้งคำนับด้วยหลังที่มักจะยืดตรงและงอไม่ได้ของเรา

พี่น้อง ตราบใดที่ตัวคุณไม่แตกหักในการรับใช้พี่น้องของคุณ หรือ รักศัตรู หรือ พันแผลผู้ที่บาดเจ็บ คุณก็ยังไม่ได้เป็นคริสตชนแท้จริง คุณเป็นผู้รับใช้หรือเป็นเจ้านายหรือ จงจำไว้ว่าพระเยซูเป็นผู้รับใช้โดยความถ่อมใจทั้งสิ้น พระองค์โค้งตัวลงเพื่อมารับใช้คุณ คุณจะยอมรับการรับใช้นั้น หรือ พิจารณาและประเมินว่าตนเองเป็นคนหยิ่ง เป็นคนดีและไม่จำเป็นต้องได้รับการปรนนิบัติรับใช้ของพระเจ้า

ยอห์น 13:6-11
6 เมื่อพระองค์ทรงมาถึงซีโมนเปโตร เขาทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะทรงล้างเท้าของข้าพระองค์หรือ?” 7 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “สิ่งที่เราทำในขณะนี้ท่านยังไม่รู้เรื่อง แต่ภายหลังท่านจะเข้าใจ” 8 เปโตรทูลพระองค์ว่า “พระองค์จะทรงล้างเท้าของข้าพระองค์ไม่ได้เด็ดขาด” พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “ถ้าเราไม่ล้างท่านแล้ว ท่านจะมีส่วนในเราไม่ได้” 9 ซีโมนเปโตรทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่เพียงแต่เท้าของข้าพระองค์เท่านั้น แต่ขอโปรดล้างทั้งมือและศีรษะด้วย” 10 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “คนที่อาบน้ำแล้วไม่จำเป็นต้องชำระกายอีก ล้างแต่เท้าเท่านั้น เพราะสะอาดหมดทั้งตัวแล้ว พวกท่านก็สะอาดแล้วแต่ไม่ใช่ทุกคน” 11 เพราะพระองค์ทรงทราบว่าใครจะทรยศพระองค์ เพราะเหตุนี้พระองค์จึงตรัสว่า “ไม่ใช่ทุกคนในพวกท่านสะอาด”

เหล่าสาวกกระอักกระอ่วนใจในการที่เจ้านายลงมาล้างเท้าพวกเขา หากพวกเขารู้ว่าพระองค์จะทำอะไร หลังจาก “อาหารมื้อสุดท้ายของพระองค์” พวกเขาจะล้างเท้าของตนเองและตอบสนองอย่างไม่เสแสร้ง พระเจ้าของพวกเขาไม่ได้ทำพันธสัญญาใหม่ระหว่างเขาและพระเจ้าเท่านั้น แต่ยังสำแดงให้เขาเห็นถึงสาระและความหมายของพันธสัญญานี้ คือ ไม่ใช่อะไรที่น้อยไปกว่าความรักและการรับใช้ที่แสดงออกโดยการปรนนิบัติ

เปโตรเป็นชายที่ชอบการโอ้อวด และ กระตือรือร้นที่สุดในพวกสาวก เขาไม่ได้ปรารถนาที่จะให้พระเยซูเข้ามารับใช้ดังนั้น เขาจึงพยายามจะหยุดการล้างเท้านั้น โดยไม่เอาใจใส่ต่อพระคำของพระเจ้าที่มีต่อเขา แล้วพระเยซูจึงได้อธิบายต่อสาวกถึงความล้ำลึกของการล้างเท้า ประหนึ่งว่าพระองค์กำลังกล่าวแก่เราว่า “โดยปราศจากการชำระ เจ้าไม่มีส่วนในอาณาจักร และปราศจากการยกโทษบาป เจ้าจะไม่สามารถพักอยู่ในเราได้” การชำระในพระโลหิตนั้นต้องทำซ้ำ ๆ และการพำนักอยู่ในการชำระ ที่เป็นขบวนการต่อเนื่อง พระองค์นั่นเองที่ปกป้องคุณไว้โดยพระคุณ และรักษาคุณไว้ในสามัคคีธรรมกับพระบุตรของพระเจ้า

ในที่นั้น เปโตรได้เห็นแสงสว่างแล้วมองไปที่มือของตน ซึ่งได้กระทำการชั่ว และคิดถึงสมองที่ช้าของเขา ในการเข้าใจแผนการของพระเจ้า เขาก็อับอายและยังขอการชำระเพิ่มเติมเพื่อปกคลุมการดำรงอยู่ของพระองค์ทั้งหมด พระเยซูทำให้เขามั่นใจว่า “ใครก็ตามที่เข้ามาหาเรา จะบริสุทธิ์และสมบูรณ์บนพื้นฐานของความเชื่อของเขา” ดังนั้น เราจึงเรียนรู้ว่าเราไม่จำเป็นต้องรับการชำระพิเศษ หรือ ได้รับความบริสุทธิ์ที่เพิ่มเข้ามา เพราะว่าพระโลหิตของพระเยซูได้ชำระเราจากบาปทั้งสิ้นแล้ว ไม่มีความบริสุทธิ์ใดจะยิ่งใหญ่กว่านี้ หรือ ดีเลิศกว่าการยกโทษบาปโดยพระโลหิตของพระองค์ ในขณะที่เรารวมตัวกันประจำวันโดยเพียงเดินไปเดินมา เราก็อธิษฐานซ้ำ ๆ ว่า “ขออภัยการละเมิดของเรา” ในเวลาที่บุตรของพระเจ้าจำเป็นเพียงต้องชำระเท้าทุกวัน ลูก ๆ ของโลกนี้ก็จำเป็นต้องได้รับการชำระอย่างสิ้นเชิงเพียงครั้งเดียว

พระเยซูได้มองไปที่สาวกและพูดว่า “เจ้าสะอาดแล้ว” พระองค์ได้เชื้อเชิญพวกเขาให้เข้าไปในพันธสัญญากับพระเจ้า พระเมษโปดกได้ตายเพื่อสาวก เพื่อยอมให้พวกเขาเข้าไปอยู่ในสามัคคีธรรมของสวรรค์ ไม่มีคนใดจะสะอาดในตนเอง แต่พระโลหิตของพระคริสต์ชำระเราจากบาปทั้งปวงแล้ว

น่าเศร้าที่ไม่ใช่พวกสาวกทั้งหมดของพระองค์ที่บริสุทธิ์ อย่างกับกรณีของทุกวันนี้ บางคนถวายการรับใช้ด้วยปากต่อการชำระที่เป็นพื้นฐานอันนี้ และประพฤติตัวอย่างกับว่าพวกเขาเชื่อในพระโลหิตของพระคริสต์ แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ได้เติมเต็มพวกเขา และวิญญาณของซาตานกระตุ้นผลักดัน ความเกลียดชัง ความริษยา ความหยิ่งผยอง และการล่วงประเวณีในพวกเขา ดังนั้น ท่ามกลางคนที่เคร่งศาสนา คุณมักพบพวกที่ถูกยึดครองโดยวิญญาณพื้นฐานและความรักเงินทอง พระเยซูปรารถนาที่จะล้างเท้าของคุณทุกวัน และปลดปล่อยคุณจากของบาปทุกอย่างและชำระคุณอย่างละเอียดเพื่อให้มีสามัคคีธรรมกับพระเจ้า ขอให้มาตรวจตราตนเองว่า คุณเป็นผู้รับใช้หรือเป็นเจ้านาย

คำอธิษฐาน: พระเจ้าพระเยซู เราขอบคุณสำหรับการทำให้เราว่างเปล่าในพระสิริ และการเสด็จลงมาหาเราที่เป็นคนไม่สะอาด พระองค์ก้มตัวลงล้างเท้าสาวก และได้ทำความสะอาดหัวใจของเราจากบาป เรานมัสการและวิงวอนพระองค์ให้ทำให้เราเป็นอิสระจากความคิดที่หยิ่งยโส เพื่อว่าเราจะก้มตัวลงและกลายเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ ขอช่วยเราให้กลายเป็นคนเล็กน้อยต่อคนทั้งปวง และพร้อมที่จะรับใช้พระองค์ในคริสตจักรและครอบครัวของฉันเถิด

คำถามที่:

  1. พระเยซูได้ล้างเท้าสาวก มีหมายความว่าอะไร

ยอห์น 13:12-17
12 เมื่อพระองค์ทรงล้างเท้าของพวกเขาแล้ว พระองค์ก็ทรงฉลองพระองค์แล้วประทับลงตรัสกับเขาว่า “พวกท่านเข้าใจสิ่งที่เราทำกับท่านหรือไม่? 13 พวกท่านเรียกเราว่าพระอาจารย์และองค์พระผู้เป็นเจ้า ท่านเรียกถูกแล้ว เพราะเราเป็นอย่างนั้น 14 เพราะฉะนั้นถ้าเราผู้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระอาจารย์ยังล้างเท้าของพวกท่าน ท่านก็ควรจะล้างเท้าของกันและกันด้วย 15 เพราะว่าเราวางแบบอย่างแก่พวกท่านแล้ว เพื่อให้ท่านทำเหมือนอย่างที่เราทำกับท่านด้วยลก.22:27 16เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า บ่าวจะเป็นใหญ่กว่านายไม่ได้ และทูตจะเป็นใหญ่กว่าคนที่ใช้เขาไปก็ไม่ได้ มธ.10:24;ลก.6:40;ยน.15:20 17เมื่อพวกท่านรู้อย่างนี้แล้วและประพฤติตาม ท่านก็เป็นสุข

พระเยซูไม่ได้เริ่มการสนทนาและสั่งด้วยเพียงคำพูดเท่านั้น บ่อยครั้งที่คำเช่นนั้นมีประโยชน์เพียงเล็กน้อยนอกจากว่ามันจะถูกนำออกมาเป็นการกระทำ พระองค์ถามผู้ติดตามว่า พวกเขาเข้าใจน้ำหนักของงานที่เป็นเครื่องหมายของพระองค์หรือไม่ “เปิดตาของเจ้าและมองดูว่า เราอยู่กับเจ้าเหมือนเป็นคนหนึ่งในพวกเจ้า และเราไม่ได้นั่งเหนือเจ้าบนบัลลังก์ และเพื่อเจ้าที่จะหมอบคลานต่อหน้าเราอย่างกับเป็นทาส ไม่ใช่เช่นนั้น เรานำพระสิริของเราออกไป และกลายเป็นหนึ่งในพวกเจ้า ยิ่งกว่านั้น เราออกไปจากที่นั้นอย่างกับเป็นครูและเจ้านายเพื่อทำการปรนนิบัติ เจ้าเข้าใจในตอนนี้หรือไม่ถึงทิศทางที่ความรักของพระเจ้านำไป ยกเว้นคนหยิ่งคุยโวให้ตนเอง แต่จงเป็นคนที่รักการถ่อมใจลงและทนทานต่อทุกสิ่ง พร้อมทั้งปฏิเสธตนเองและรับใช้โดยร่างกายและการปฏิบัติ”

“เจ้าปรารถนาจะเป็นสาวกของเรา อย่างที่เราเป็นแบบอย่างให้กับเจ้า เราไม่เพียงแต่พูดเท่านั้น แต่กระทำออกมาจากคำสอนของเรา จงดูเรา เราเป็นผู้รับใช้ ถ้าเจ้าปรารถนาจะติดตามเรา จงก้มลงและปฏิบัติโดยรับใช้ผู้อื่น ผู้ที่อยู่ท่ามกลางเจ้าซึ่งปรารถนาจะเป็นคนแรกนั้นเป็นคนที่อ่อนแอที่สุด แต่ผู้ที่รับใช้ผู้อื่นอย่างสงบ และอยู่อย่างต่ำต้อยนั้นยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง”

“จงอย่าจินตนาการว่าคริสตจักรเป็นสิ่งที่ต่อเนื่องกัน และเป็นของทูตสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม พวกเขาทั้งหมดอยู่ในขบวนการที่จะกลายเป็น เราได้ทำให้พวกเขาบริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์ และพวกเขาเป็นทูตสวรรค์ในหลักการ แต่สมาชิกทุกคนจำเป็นต้องมีความอดทนและเวลาเพื่อการเติบโตทางจิตวิญญาณ ทุกคนได้ทำผิดและล้มลงและนี่เป็นสิ่งที่เขาต้องรับผิดชอบและเป็นคำสั่งของเรา คือ จงยกโทษแก่กันและกันในความผิดและบาปทั้งหลาย จงอย่าตัดสินกันและกันแต่ช่วยเหลือผู้อื่น จงอย่าชำระศีรษะ แต่จงชำระเท้าด้วย ไม่มีใครควรมีอำนาจหรืออิทธิพลเหนือผู้อื่น เจ้าเป็นพี่น้องกัน ถ้าเจ้ากระทำเช่นนี้ เจ้าจะตระหนักถึงสิ่งที่เราทำอย่างชัดแจ้ง เพราะว่าเราไม่ได้มาเพื่อเจ้าจะรับใช้เราแต่เรามาเพื่อรับใช้ ชีวิตของเราคือการรับใช้และเสียสละและยอมจำนนเพื่อคนทั้งปวง”

“เราส่งเจ้าเข้าไปในโลกเหมือนอัครทูตแห่งความรัก ผู้ที่เราส่งไปนั้นยิ่งใหญ่พอ ๆ กับพระองค์ผู้ที่ส่งเขาไป หน้าที่ประการแรกคือเป็นผู้รับใช้เหมือนกับเรา ถ้าเจ้าตระหนักในสิ่งนี้ เจ้าจะเข้าใจคติพจน์นั้นและคำพูดที่น่าจับจ้องของคริสต์ศาสนาได้”

“หลักการประการที่สอง คือ ถ้าเจ้ารู้สิ่งนี้ พระพรจะมีแด่เจ้าถ้าเจ้ากระทำมัน เราไม่ได้พูดถึงความรักว่าเป็นเพียงคำพูด เราได้ทำนายไว้แล้ว” การรับใช้คือการออกแรง และ เสียสละ ไม่ใช่คำพูดคำอธิษฐาน และความรู้สึกเท่านั้น แรงกระตุ้นในการรับใช้อยู่ในธรรมชาติของผู้เชื่อ จากแกนกลางซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญนี้ คือ การลงมือกระทำเป็นการงานต่าง ๆ ของความรัก คนที่ไม่ได้รับใช้ไม่ได้เป็นผู้เชื่อ การอธิษฐานแบบสั่นกระดิ่งขาดการกระทำเพื่อช่วยเหลือ เป็นการเสแสร้ง คุณไม่ได้รับการกู้โดยงานดี ๆ แต่เป็นพระโลหิตของพระองค์ที่กู้เราไว้แล้ว แต่หากว่าคุณก้มตัวลงมาหาผู้ที่ทุกข์ยาก ผู้ที่ท่องเที่ยวไป และรับใช้พวกเขาเรื่อยไป คุณจะได้รับการเติมเต็มด้วยความยินดีของพระเจ้า ความปิติยินดีอันประเสริฐของพระเจ้าที่ปกป้องผู้รับใช้ของพระคริสต์

พี่น้อง คุณปรารถนาจะกลายเป็นนายและครูหรือไม่ จงดูที่พระเยซู พระองค์เป็นครูที่ยอดเยี่ยม พระองค์ยืนอยู่ต่อหน้าคุณโดยเป็นผู้รับใช้ คุณต้องการฝึกปฏิบัติการสอนของพระองค์หรือไม่ จงเริ่มตั้งแต่วันนี้และปรนนิบัติรับใช้เถิดจงทูลขอในการอธิษฐานในที่ใดก็ตาม ทำอย่างไรก็ตาม และกับใครก็ตามที่คุณปรารถนาจะรับใช้ ถ้าคุณรู้ถึงสิ่งนี้และกระทำมัน พระพรจะมีแด่คุณ

www.Waters-of-Life.net

Page last modified on March 12, 2020, at 02:52 PM | powered by PmWiki (pmwiki-2.3.3)