Waters of LifeBiblical Studies in Multiple Languages |
|
Home Bible Treasures Afrikaans |
This page in: -- Albanian -- Arabic -- Armenian -- Bengali -- Burmese -- Cebuano -- Chinese -- Dioula -- English -- Farsi? -- French -- Georgian -- Greek -- Hausa -- Hindi -- Igbo -- Indonesian -- Javanese -- Kiswahili -- Kyrgyz -- Malayalam -- Peul -- Portuguese -- Russian -- Serbian -- Somali -- Spanish -- Tamil -- Telugu -- THAI -- Turkish -- Twi -- Urdu -- Uyghur? -- Uzbek -- Vietnamese -- Yiddish -- Yoruba
Previous Lesson -- Next Lesson ยอห์น - แสงสว่างส่องในความมืด
ศึกษาพระกิตติคุณของพระคริสต์ ตามคำบอกเล่าของยอห์น
ตอนที่ 1 - แสงจากสวรรค์ส่องสว่าง (ยอห์น 1:1 - 4:54)
ค - การเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็มครั้งแรกของพระคริสต์ (ยอห์น 2:13-4:54) ประเด็น : อะไรคือการนมัสการที่แท้จริง
2. พระเยซูพูดกับนิโคเดมัส (ยอห์น 2:23 - 3:21)
ข) ความต้องการบังเกิดใหม่ (ยอห์น 3:1-13)ยอห์น 3:6-8 พระเยซูได้สำแดงต่อนิโคเดมัสถึงความจำเป็นเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงในทุกคน การเปลี่ยนแปลงนั้นใหญ่พอ ๆ กับความแตกต่างระหว่างเนื้อหนังและวิญญาณ คำว่า “เนื้อหนัง” ในพระคัมภีร์ใหม่ เป็นตัวแทนการล้มลงของมนุษย์ที่ได้ทำตัวแปลกแยกจากพระเจ้า ซึ่งเป็นคนชั่วช้าที่เคลื่อนตัวไปสู่หายนะและคำพิพากษา คำนี้ไม่เพียงครอบคลุมร่างกายเท่านั้น แต่ในความคิดและวิญญาณของพวกกบฏด้วย นี่เป็นสภาพของความเสื่อมทรามทั้งมวล ในขณะที่พระเยซูได้ชี้ให้เห็นว่า “จากหัวใจ ความคิดชั่วก็ออกมา” ไม่มีคนใดที่สมควรได้รับอาณาจักรของพระเจ้า มนุษย์ชั่วช้าตั้งแต่เกิดและเป็นแหล่งของความเลวทราม “พระวิญญาณ” เป็นตัวแทนของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นพระเจ้าเอง ที่เต็มไปด้วยความจริงพร้อมกับ ความบริสุทธิ์ ฤทธิ์เดช และความรัก พระเจ้าไม่ได้เหยียดหยามคนชั่ว แต่ได้เอาชนะหลักการของ “เนื้อหนัง” ในพระคริสต์ นี่แสดงจุดมุ่งหมายของการบังเกิดใหม่ครั้งที่สอง พระวิญญาณในเราได้ทำลายตัณหาฝ่ายโลกแล้ว เพื่อว่าเราจะอยู่ให้ถึงระดับของการทรงเรียก คุณบังเกิดใหม่หรือยัง ได้รับอิสรภาพจากการกดขี่จากเนื้อหนังหรือยัง ในโอกาสที่สาม พระเยซูได้พูดกับนิโคเดมัสอย่างอ่อนโยน และกล่าวว่า “เจ้าและสมาชิกทั้งหมดของสภา ทุกคนเป็นเมล็ดพันธุ์ของอับราฮัมซึ่งต้องบังเกิดใหม่” นั่นเป็นข้อผูกมัดอันหนึ่งเป็นหน้าที่ ๆ ศักดิ์สิทธิ์ เราเป็นพยานต่อท่านว่า พี่น้อง คำนี้นั้นที่ออกมาจากพระคริสต์ และคำว่า “ต้อง” เป็นไปในเชิงบังคับ โดยปราศจากการบังเกิดใหม่โดยรากฐานคุณไม่สามารถจะรู้จักพระเจ้าได้ และจะไม่สามารถเข้าในแผ่นดินพระเจ้าได้เลย คุณได้ยินลมที่พัดแรงนั้นไหม คนที่บังเกิดใหม่เป็นเหมือนลมที่พัดมา มันดูเหมือนว่าลมที่มาจากสิ่งว่างเปล่าและกลับไปสู่สิ่งว่างเปล่านั้น ดังนั้น ก็เป็นเช่นกันเหมือนกับบุตรของพระเจ้าได้บังเกิดจากเบื้องบน และกลับมาหาพระบิดา เสียงลมนั้นได้ชี้ให้เห็นว่ามันอยู่ที่นั่น สัญญาณที่ชัดเจนนั้นในผู้บังเกิดใหม่ เป็นเสียงของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ได้พูดออกมาผ่านพวกเขา เราไม่ได้พูดโดยเสียงตามธรรมชาติของคนธรรมดาที่ออกมาจากความคิด พระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมายังเราจากที่ไกลโพ้นของโลกนี้ เหมือนเสียงฤทธิ์เดชของพระเจ้าในตัวผู้เชื่อนั่นเองพระองค์ได้เสด็จลงมาบนหัวใจของคุณหรือไม่ ยอห์น 3:9-13 ในคำอธิบายของพระคริสต์ นิโคเดมัสได้รู้สึกถึงลมพัดเบา ๆ ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ หัวใจของเขาได้ตอบสนอง จนต้องบ่นพึมพำว่า “ฉันไม่รู้ว่าการบังเกิดเช่นนั้นมีขึ้นได้” นั่นเป็นการสารภาพซึ่งเป็นการยอมรับความล้มเหลว พระเยซูให้คำแนะนำต่อไปว่า “ใช่ เจ้าเป็นครูที่ได้รับความเคารพ เจ้ามาหาเรา ในขณะที่คนอื่นคิดว่า พวกเขาฉลาดกว่าและสูงกว่าที่จะสนทนากับเรา เจ้าเก่งกว่า แต่แม้แต่เจ้าก็ไม่รู้จริง ๆ ถึงจุดประสงค์ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ การนมัสการและการมอบถวายของเจ้าทั้งหมด รวมทั้งความพยายามที่จะรักษากฎนั้นก็ไร้ผล เจ้าไม่รู้ถึงหลักการง่าย ๆ ของอาณาจักรของพระเจ้า” ครั้งที่สาม พระเยซูได้กล่าวคำที่สำคัญ “จริงแท้ จริงแท้ เราบอกกับเจ้าว่า” ในทุก ๆ กรณี โดยวลีนี้พระเยซูประกาศการเปิดเผยใหม่ นี่เป็นเพราะว่าความคิดของมนุษย์นั้นช้าที่จะเข้าใจได้ อะไรเป็นขั้นใหม่ในการเรียนรู้ของนิโคเดมัส พระคริสต์เปลี่ยนจากสรรพนามที่เป็นเพียงคนเดียว คือ “ฉัน” ให้กลายเป็นพหูพจน์ คือ หลายคนโดยใช้คำว่า “เรา” นี่เองเป็นการที่พระองค์เข้าร่วมกับเสียงของพระวิญญาณ พระคริสต์เป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า และพระวจนะที่ได้บังเกิดขึ้น พระเยซูได้สอนถึงความจริงที่ไม่ใช่ทุกคนที่เอาใจใส่ พระองค์ จะเป็นพยานในสิ่งที่พระองค์สังเกตเห็นจากสามัคคีธรรมกับพระวิญญาณและดังนั้น เราจึงยอมรับว่าพยานผู้นี้คือนิโคเดมัสได้เชื่อในสิ่งนี้แล้ว อะไรที่พระองค์รู้ดีกว่ามนุษย์ทั้งหมด พระองค์รู้จักพระเจ้าและได้เรียกท่านว่าพระบิดา เราไม่พบความลี้ลับนี้ในวิธีการทางความคิดที่เป็นอคติของผู้นำ ซึ่งปราศจากวิญญาณ พระคริสต์มาจากพระบิดา และได้กลับไปหาพระองค์ พระคริสต์ได้ลงมาจากสวรรค์ และขึ้นไปบนนั้น การแบ่งแยกระหว่างพระเจ้าและมนุษย์ได้จบลง เมื่อพระวิญญาณของพระเจ้าได้เป็นเนื้อหนังในพระเยซู และเอาชนะการแยกออกจากกันนั้น ความเป็นนิรันดร์ไม่ได้อยู่ไกลและน่ากลัวอีกต่อไป แต่อยู่ใกล้และนุ่มนวล น่าแปลกที่มนุษย์ไม่ฉวยคำพยานนี้ไปยังความจริงของพระเจ้า พวกเขาไม่ได้ตระหนักถึงความเป็นหนึ่งเดียว ระหว่างคนหนึ่งที่เกิดขึ้นจากพระวิญญาณ และพระบิดาของพระองค์ เพราะว่าพวกเขาปฏิเสธที่จะเชื่อ หรือสารภาพความบาปนั้น พวกเขาล้มเหลวที่จะเห็นถึงความจำเป็นในการบังเกิดใหม่ นั่นเป็นยิ่งกว่าการหลอกลวงตนเองทำให้หลงเชื่อไปในความคิดว่า พวกเขานั้นดีและฉลาดล้ำเพียงพอ พวกเขาควรจะรู้ว่าการเพียงพอในตนเองไม่สามารถนำพวกเขาให้ตระหนักถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของตรีเอกานุภาพได้ คำอธิษฐาน: พระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์ เรานมัสการพระองค์ด้วยความมั่นใจในความรักของพระองค์ที่สร้างเราใหม่และทำให้เราได้เป็นบุตรแห่งความจริงของพระองค์ ขอให้ความจริงและพระวิญญาณพัดเข้ามาสู่ชนชาติของเราเพื่อคนมากมายจะได้รับความรอด และคำพยานเกี่ยวกับพระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์จะแพร่กระจายไปไกลและกลายเป็นคำล่ำรือของชนชาติเพื่อคนมากมายจะบังเกิดใหม่ คำถามที่:
|